ในส่วนของการติดวอลเปเปอร์พร้อมด้วยวอลเปเปอร์ในหาดใหญ่

วอลเปเปอร์คือกระดาษที่มีคุณภาพสูงชนิดดีเยี่ยมแบบหนึ่ง ที่ช่วยแต่งแต้มสีสันฝาทำให้สวยงาม แก้ไขปัญหาผนังที่มีรอยร้าว รอยแตกได้ อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงแบบฝาได้ตามประสงค์อีกด้วย และเป็นสิ่งที่บอกถึงรสนิยมและบุคลิกลักษณะของผู้เป็นผู้ประดิษฐ์ได้เป็นเป็นอันดี นอกจากนี้วอลเปเปอร์ยังคงมีคุณสมบัติต่างๆดังต่อไปนี้

  1. ช่วยปิดบังรอยขรุขระพร้อมด้วยเพิ่มเติมความรังสรรค์ด้วยลวดลายสารพันมากกว่าการติดวอลเปเปอร์เปรียบเสมือนการประทินโฉมด้วยเครื่องประทินโฉมชั้นยอด ซึ่งไม่เพียงแค่พรางริ้วรอย ผิวที่ไม่เรียบเนียน และจุดด่างดำแล้ว อีกทั้งเพิ่มให้ความสวยงามหรือสีสัน ลวดลายที่ต่างกันไปด้วย
  2. เนื่องด้วยสีมีคุณสมบัติหลักแค่สีพื้น (Solid) แต่วอลล์เปเปอร์มีต้นแบบพร้อมกับลวดลาย (Patterns) มากมายมากกว่า
  3. วอลล์เปเปอร์สามารถเปลี่ยนแบบ หรือลอกออกได้ โดยง่าย ด้วยเหตุนั้น เมื่อผู้ใช้อยากได้บรรยากาศใหม่ๆ วอลล์เปเปอร์สามารถทำได้โดยง่าย และรวดเร็วกว่า
  4. วอลล์เปเปอร์มีคุณสมบัติในการกันเสียงได้เป็นต่อสีทาบ้าน โดยเฉพาะห้องนอนชุดในคอนโดมิเนียม จะนิยมใช้มาก เพราะสามารถช่วยลดมลภาวะทางเสียงจากห้องใกล้กัน หรือแม้แต่ป้องกันเสียงเล็ดลอดจากห้องของเราเองได้ระดับหนึ่ง
  5. วอลล์เปเปอร์สามารถอำพรางร่องรอย รอยคราบสกปรก ความไม่สะอาด ไม่งามตาของฝาดิบได้ไม่ยาก ทั้งที่สีทาบ้าน ไม่สามารถทำได้ หรืออย่างน้อยต้องใช้วิธี ในการโบกรองพื้นหลายชั้น หรือมีกระบวนการที่ยุ่งยากกว่าในการปรับสภาพพื้นผิวผนังดิบ
  6. วอลล์เปเปอร์สามารถพรางสภาพผนังที่ถูกทำลาย สภาพฝาที่ไม่ปกติ สภาพผนังที่มีรอย หรือคราบเชื้อโรค และสภาพกำแพงที่เลวร้ายอื่นๆได้ดี และไวกว่า
  7. ถึงแม้ในปัจจุบัน สีทาบ้านจะมีความเจริญในการใช้หรือทำลวดลายได้เพิ่มมากขึ้น แต่ก็เปรียบเทียบไม่ได้เลยกับความเจริญของวอลล์เปเปอร์ ในด้านลวดลาย (Designs) และพื้นผิวพิเศษ (Textures) ซึ่งหลากหลายกว่ามาก
  8. ยิ่งไปกว่านี้ การทาสี และโดยเฉพาะการรังสรรค์ลวดลายจากสีทาบ้าน จำต้องอาศัยความสามารถ และกำลังแรงงานฝีมือ มากกว่าการติดตั้งผลิตภัณฑ์วอลล์เปเปอร์ รวมทั้งค่าจ้างที่มีทุนสูงกว่า ในการติดตั้งวอลล์เปเปอร์
  9. การติดตั้งวอลล์เปเปอร์ ผู้ใช้สามารถเข้าอยู่ได้ทันที ในขณะที่การใช้สีทาบ้านอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์จึงจะสามารถอยู่ได้
  10. วอลล์เปเปอร์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า รวมถึงความสามารถในการป้องกันความร้อนจากข้างนอก หรือเก็บความเย็นด้านในห้อง ทำให้ประหยัดพลังงาน และช่วยลดภาวะโลกร้อน
  11. ในเกาหลี นอกจากค่าแรงในการติดตั้งวอลล์เปเปอร์จะประหยัดกว่าค่าแรงทาสีแล้ว ยังอาจไม่มีความจำเป็นในการต้องเพิ่มต้นทุนการใช้พลาสเตอร์ (Plaster) เพื่อปรับสภาพผนังด้วย ดังนี้ เงินลงทุนที่ถูกกว่านี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้วอลล์เปเปอร์ฮิตและเลือกใช้แพร่ขยายกว่าสีทาบ้านมาก
  12. เปรียบเทียบการติดวอลล์เปเปอร์กับการทาสีแล้ว การใช้วอลล์เปเปอร์ทุ่นเวลาในการติดตั้งมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ด้วยสามารถติดตั้งได้เร็วไวกว่ามาก
  13. วอลล์เปเปอร์ในสมัยนี้ มีความก้าวหน้าที่สูดและรวดเร็วมาก เหตุฉะนี้ จึงมีวอลล์เปเปอร์ที่มีลักษณะพิเศษต่างๆให้เลือกใช้ได้หลากหลายและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์พิเศษในการใช้ยิ่งกว่า เช่น วอลล์เปเปอร์ป้องกันเชื้อรา ความชื้น เก็บกลิ่น ดูดซับกลิ่น และอื่นๆอีกมากมาย
  14. ความเร็วในการติดตั้งวอลเปเปอร์เป็นงานขบวนการเดียวโดยทากาวลงบนวอลเปเปอร์แล้วติดขึ้นผนังได้ทันที ไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาทำหน้าที่หลายขั้นตอนด้วยการทาสีรองพื้นทับเป็น 2 วิธีการการติดตั้งวอลเปเปอร์จึงสะดวก รวดเร็ว ไม่เลอะเทอะและไม่ส่งกลิ่นเคมีที่รุนแรง

สำหรับใครที่สนใจจะประดับประดาห้อง หรือส่วนต่างๆภายในบ้าน วอลเปเปอร์หาดใหญ่ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจและน่าใช้บริการ

การแต่งงานสมัยอียิปต์โบราณ

อียิป

การใช้ชีวิตคู่ของคนอียิปต์โบราณสามัญชนเป็นแบบผัวเดียวเมียเดียวจนชั่วชีวิตหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไปก่อน หรือมีการหย่าร้าง แต่ในชนชั้นกษัตริย์พบว่าตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 13 เป็นต้นมา ฟาโรห์จะมีสนมมากมายเป็นร้อยๆ คนเพื่อให้เกิดรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์เพื่อสมานไมตรีกับต่างประเทศเพื่อฐานอำนาจทางศาสนา แต่จะยกสตรีเพียงคนเดียวขึ้นเป็นมเหสีหรือราชินีเป็นผู้ถูกดูแลสนมขึ้นอื่นๆ ทั้งหมด แต่ก็มีข้อยกเว้นในบางรัชสมัยที่มีการแต่งตั้งราชินีหลายองค์พร้อมกันและแนวปฏิบัติของฟาโรห์เช่นนี้ทำให้ขุนนางชั้นสูงบางคนรับพฤติกรรมนี้ไปด้วย การแต่งงานในเครือญาติ เช่น พี่น้อง พ่อลูก เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากความเชื่อทางศาสนาเฉพาะในเชื้อพระวงศ์เท่านั้น เนื่องจากมีตำนานการสมรสในวงศ์วานเดียวกันของเทพเจ้าทำให้ฟาโรห์จึงจำเป็นต้องรักษาสายเลือดของราชวงศ์ให้เข้มข้นที่สุด แต่ค่านิยมนี้ในหมู่ชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปมากในยุคที่กรีกเริ่มเข้ามามีบทบาทในอียิปต์พบการสมรสในหมู่เครือญาติสูงถึง 1 ใน 4 ของประชากร ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนอียิปต์โบราณไม่ได้กีดกันเรื่องการสมรสข้ามเชื้อชาติหรือชนชาติเลยเพียงแต่ต้องแต่งงานในคนชนชั้นเดียวกันเท่านั้น

ในหลักฐานที่ค้นพบเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องที่มีบันทึกอยู่น้อยมาก บันทึกที่พบก็ไม่มีส่วนไหนที่เรียก “การแต่งงาน” โดยเฉพาะมีแต่คำใกล้เคียงที่หมายถึง “สร้างภรรยา” “การยอมรับเป็นภรรยา” หลังจากยุดที่ 3 เราได้พบคำในเอกสารที่เกี่ยวกับจัดการทรัพย์สินในการแต่งงาน คือ ค่าสินสมรส แต่จะพบเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดการสินสมรสหลังจากหย่าร้างมากกว่า

ทางหลักฐานที่เหลืออยู่พิธีการแต่งงานของชาวอียิปต์โบราณมีความเรียบง่ายมาก เจ้าสาวแค่ออกจากบ้านของตนไปสู่บ้านสามีซึ่งสามีอาจจะอยู่คนเดียวหรืออยู่กับพ่อแม่ก็ได้ ชุดที่เจ้าสาวสวมนั้นจะสวมกระโปรงลินินยาวหรือกระโปรงแบบมีผ้าคลุมบ่ายาว คลุมด้วยแหลูกปัดตั้งแต่หัวจนเท้า ถ้าเป็นคนมีฐานะก็จะประดับด้วยเงินและไพฑูรย์ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่เป็นพิธีกรรมทางศาสนา หรือทางกฎหมายเลย มีแต่ทางสังคมซึ่งจะจัดการเลี้ยงฉลองอาหาร การเต้นรำ ร้องเพลงอวยพรเพื่อ เป็นเกียรติสำหรับคู่บ่าวสาว

การแบ่งชนชั้นในสังคมอียิปต์

%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%b4%e0%b8%9b%e0%b8%95%e0%b9%8c

 

สังคมอียิปต์ได้แบ่งชนชั้นออกเป็นต่างๆ เปรียบได้กับรูปสามเหลี่ยม สามารถจัดแบ่งออกได้เป็น 3 ชนชั้นใหญ่ๆ และอาจแบ่งออกเป็นแต่ละชนชั้นย่อยๆ ได้ 6 ระดับ ดังนี้

ชนชั้น แบ่งเป็น 3 ชนชั้น ได้แก่

1. ชนชั้นสูง

– กษัตริย์และราชวงศ์ถูกกำหนดให้อยู่ในตำแหน่งสูงสุด กษัตริย์สามารถมีมเหสีและสนมได้มากมาย ที่อาจเป็นพี่สาวหรือน้องสาวร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน เพราะต้องการรักษาสายเลือดที่บริสุทธิ์ของชนชั้นไว้

– พระและขุนนาง มีบทบาททางด้านศาสนาและการปกครอง ชนทั้งสองกลุ่มนี้จัดเป็นชนชั้นสูงรองจากกษัตริย์

2.ชนชั้นกลาง

– พ่อค้า  เสมียน ช่างฝีมือและศิลปิน

3. ชนชั้นต่ำ

– พวกชาวนา ผู้ใช้แรงงาน ชาวนาซึ่งจัดเป็นชนชั้นต่ำส่วนใหญ่ของดินแดนสภาพของชาวนาอยู่ในรูปข้าติดที่ดิน ชาวนาเป็นกำลังสำคัญในกองทัพและเป็นแรงงานหลักในการสาธารณประโยชน์

– ทาส เป็นชนชั้นต่ำสุดถูกกวาดต้อนมาภายหลังพ่ายแพ้สงคราม

นอกจากจะแบ่งเป็น 3 ชนชั้นใหญ่ๆ แล้ว อาจแบ่งผู้คนในสังคมเป็นกลุ่มย่อยได้ 6 ระดับ ดังนี้

1. กษัตริย์ (pharaoh) มีอำนาจสูงสุด ซึ่งถือว่าเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทพ หรือสมมติเทพ

2. คณะสงฆ์ (priests) เป็นผู้ช่วยของฟาโรห์ในด้านการศาสนา ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ

3. ขุนนาง (nobles) หรือผู้ว่าการมณฑลหรือโนมาร์ซ (Nomarch) เป็นขุนนางที่ฟาโรห์ไว้พระทัย แต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงประจำตามมณฑลหรือเมืองที่ห่างไกลจากเมืองหลวง มณฑลหรือเขตนั้นเรียกว่านอม

4. ช่างฝีมือและพ่อค้า (artists and merchant) พ่อค้าและช่างฝีมือมีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายกว่าชาวนา

5. ชาวนา (farmers) มีความเป็นอยู่อย่างยากแค้น เป็นชนชั้นที่มีจำนวนมากเมื่อเปรียบเทียบกับชนชั้นอื่นๆ

6. ทาส (slaves) จัดอยู่ในชนชั้นต่ำที่สุดของสังคมอียิปต์ มีหน้าที่หาวัตถุดิบทุกอย่างเท่าที่มีอยู่ในประเทศ เช่นหนังสัตว์

ประวัติความเป็นมาของประเพณีชักพระ

 

cvประเพณีชักพระเป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวใต้ ซึ่งเป็นประเพณีทำบุญในวันออกพรรษา ซึ่งตรงกับ วันแรม 1 ค่ำเดือน 11 ซึ่งเชื่อกันว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้า เสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพระมารดา เมื่อครบพรรษาจึงเสด็จมายังโลกมนุษย์  พุทธศาสนิกชนจึงมารอรับเสด็จ แล้วอัญเชิญพระพุทธ เจ้าขึ้นประทับบน บุษบกแล้วแห่ไปรอบเมือง

ประเพณีชักพระเป็นประเพณีทพราหมณ์ศาสนิกชนและพุทธศาสนิกชนปฏิบัติสืบต่อกันมา  สันนิษฐานว่าประเพณีนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอินเดีย ที่นิยมเอา เทวรูปออกแห่ในโอกาสต่าง ๆ  ต่อมาพุทธศาสนิกชนได้นำเอาคติความเชื่อดังกล่าวมาปรับปรุงให้สอดคล้องกับความเชื่อทางพุทธศาสนา  ประเพณีชักพระเล่ากันเป็นเชิงพุทธตำนาน ว่า หลังจากพระพุทธองค์ทรงกระทำยมกปาฏิหารย์ปราบเดียรถีย์ ณ ป่ามะม่วง กรุงสาวัตถี แล้วได้เสร็จไปจำพรรษา ณ ดาวดึงส์เพื่อโปรดพุทธมารดา ซึ่งขณะนั้นทรงจุติเป็นมหามายาเทพ สถิตอยู่ ณ ดุสิตเทพพิภพตลอดพรรษา พระพุทธองค์ทรงประกาศพระคุณของมารดาแก่เทวสมาคมและแสดงพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดา 7 คัมภีร์ จนพระมหามายาเทพและเทพยดา ในเทวสมาคมบรรลุโสดาบันหมด ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 อันเป็นวันสุดท้ายของพรรษา พระพุทธองค์ได้เสด็จกลับมนุษยโลกทางบันได ทิพย์ที่พระอินทร์นิมิตถวาย บันไดนี้ทอดจากภูเขาสิเนนุราชที่ตั้งสวรรค์ ชั้นดุสิตมายังประตูนครสังกัสสะ ประกอบด้วยบันไดทอง บันไดเงินและบันไดแก้ว บันไดทองนั้นสำหรับเทพยดา มาส่งเสด็จอยู่เบื้องขวาของพระพุทธองค์ บันไดเงินสำหรับพรหมมาส่งเสด็จอยู่เบื้องซ้ายของพระพุทธองค์ และบันไดแก้วสำหรับพระพุทธองค์อยู่ตรงกลาง เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึง ประตูนครสังกัสสะตอนเช้าตรู่ของวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นวันออกพรรษานั้น พุทธศาสนิกชนที่ทราบกำหนดการเสด็จกลับของพระพุทธองค์จากพระโมคคัลลานได้มารอรับเสด็จ อย่างเนืองแน่นพร้อมกับเตรียมภัตตาหารไปถวายด้วย แต่เนื่องจากพุทธศาสนิกชนที่มารอรับเสด็จมีเป็นจำนวนมากจึงไม่สามารถจะเข้าไปถวายภัตตาหารถึงพระพุทธองค์ได้ทั่วทุกคน จึงจำเป็นที่ต้องเอาภัตตาหารห่อใบไม้ส่งต่อ ๆ กันเข้าไปถวายส่วนคนที่อยู่ไกลออกไปมาก ๆ จะส่งต่อ ๆ กันก็ไม่ทันใจ จึงใช้วิธีห่อภัตตาหารด้วยใบไม้โยนไปบ้าง ปาบ้าง ข้าไปถวายเป็น ที่โกลาหล โดยถือว่าเป็นการถวายที่ตั้งใจด้วยความบริสุทธิ์ด้วยแรงอธิษฐานและอภินิหารแห่งพระพุทธองค์ ภัตตาหารเหล่านั้นไปตกในบาตรของพระพุทธองค์ทั้งสิ้น เหตุนี้จึงเกิด ประเพณี “ห่อต้ม” “ห่อปัด” ขึ้น เพื่อเป็นการแสดงถึงความปิติยินดีที่พระพุทธองค์เสด็จกลับจากดาวดึงส์ พุทธศาสนิกชน ได้อัญเชิญพระพุทธองค์ขึ้นประทับบนบุษบกที่เตรียมไว้ แล้วแห่แหนกันไปยังที่ประทับของพระพุทธองค์ ครั้นเลยพุทธกาลมาแล้วและเมื่อมีพระพุทธรูปขึ้น พุทธศาสนิกชนจึงนำเอาพระพุทธรูปยกแห่แหนสมมติแทนพระพุทธองค์

เรือพระ คือ รถหรือล้อเลื่อนที่ประดับตกแต่งให้เป็นรูปเรือแล้ววางบุษบก ซึ่งภาษาพื้นเมืองของภาคใต้เรียกว่า “นม” หรือ “นมพระ” ยอดบุษบก เรียกว่า “ยอดนม” ใช้สำหรับอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานแล้วลากในวันออกพรรษา  ลากพระทางน้ำ เรียกว่า “เรือพระน้ำ” ส่วนลากพระทางบก เรียกว่า “เรือพระบก” สมัยก่อนจะทำเป็นรูปเรือ ให้คล้ายเรือจริง ๆ และต้องทำให้มีน้ำหนักน้อยที่สุด จึงใช้ไม้ไผ่สานมาตกแต่งส่วนที่เป็นแคมเรือและหัวท้ายเรือคงทำให้แน่นหนา ทางด้านหัวและท้ายทำงอนคล้ายหัวและท้ายเรือ   แล้วตกแต่งเป็นรูปพญานาค ใช้กระดาษสีเงินสีทองทำเป็นเกล็ดนาค กลางลำตัวพญานาคทำเป็นร้านสูงราว 1.50 เมตร เรียกว่า “ร้านม้า”  ส่วนที่สำคัญที่สุด คือ บุษบก ซึ่งแต่ละที่จะมีเทคนิคการออกแบบบุษบก  มีการประดิษประดอยอย่างมาก หลังคาบุษบกนิยมทำเป็นรูปจตุรมุข  ตกแต่งด้วยหางหงส์ ช่อฟ้า ใบระกา และทุกครอบครัวต้องเตรียม “แทงต้ม” เตรียมหาในกระพ้อ และข้าวสารข้าวเหนียวเพื่อนำไปทำขนมต้ม “แขวนเรือพระ”

ลากพระน้ำ

การลากพระทางน้ำจะสนุกกว่าการลากพระทางบก เพราะสภาพการเอื้ออำนวยต่อกิจกรรมอื่น ๆ เช่น สะดวกในการลากพระ  ง่ายแก่การรวมกลุ่มกันจัดเรือพาย แหล่งลากพระน้ำที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่ง คือ ที่อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร อำเภอพุนพินและ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช รองลงมาอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง โดยเฉพาะอำเภอหลังสวนและที่บ้านแหลมโพธิ์ อำเภอหาดใหญ่ จะมีการเล่นเพลงเรือ ที่ขึ้นชื่อ ส่วนที่อำเภอปากพนังมีการเล่น “ซัดหลุม” (ซัดโคลน) กันสนุกสนานเพราะที่ปากพนังมีโคลนตมมาก การลากพระทางน้ำของเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี แปลกกว่าที่อื่น คือ จะลากกัน 3 วัน ระหว่างแรม 8 ค่ำถึงแรม 10 ค่ำ เดือน 11 มีการปาสาหร่ายโต้ตอบกันระหว่างหนุ่มสาว มีการเล่นเพลงเรือ และที่แปลกพิเศษ คือ มีการทอดผ้าป่าสามัคคีในวันเริ่มงาน

สถาปัตยกรรมอันงดงามในอียิปต์

อารยธรรมที่มีความยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลกที่มีถิ่นกำเนิดในดินแดนใกล้เคียงกับอารยธรรมเมโสโปเตเมีย คือ อารยธรรมอียิปต์ อารยธรรมอียิปต์เป็นอารยธรรมที่รู้จักกันอย่างกว้างขว้างและมีผลต่อพัฒนาการทางความคิดในหลายๆ ด้าน เนื่องจากมีมรดกทางสถาปัตยกรรม เช่น ปิรามิดและแนวความคิดและความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาและปรัชญาอีกด้วย

อียิปต์โปราณตั้งอยู่ระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออก โลกตะวันตกคือดินแดนที่อยู่รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนโลกตะวันออก ได้แก่ ดินแดนเมโสโปเตเมียและดินแดนในแถบลุ่มแม้น้ำสินธุ ทิศเหนือของอียิปต์จรดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทิศตะวันตกติดกับทะเลทรายซาฮารา ทะเลทรายลิเบีย และทะเลทรายนูเบียทางทิศตะวันออก ถัดไปคือ ทะเลแดง ทิศใต้จรดประเทศนูเบียหรือซูดานในปัจจุบัน อียิปต์เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีพื้นที่ตั้งอยู่บนสองฟากฝั่งแม่น้ำไนล์ แม่น้ำไนล์มีลักษณะที่ต่างไปจากแม่น้ำอื่นๆ คือ ทอดตัวไหลจากภูเขาทางตอนใต้ลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือ มีผลต่อการดำเนินชีวิตของชาวอียิปต์โบราณ มีนคือเส้นทางคมนาคมสายหลักและเป็นเสมือนเข็มทิศในการเดินทาง โดยใช้ร่วมกับทิศทางการขึ้นและตกของดาวอาทิตย์ ชาวอียิปต์แบ่งช่วงแม่น้ำไนล์เป็น 2 ช่วง คือ ต้นน้ำทางตอนใต้เรียกว่า “อียิปต์บน” (Upper Egypt) และปลายแม่น้ำในดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำทางเหนือว่า “อียิปต์ล่าง” (Lower Egypt)

image052

การสร้างปีรามิดของชาวอียิปต์สะท้อนให้เห็นความเชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตายและความเป็นอมตะของวิญญาณ ถ้าตายแล้วจะยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปและยังมีความเกี่ยวข้องกับร่างเดิมอยู่ จึงมีแนวความคิดในการรักษาร่างเดิมไว้ โดยการทำมัมมี่ นอกจากความเชื่อในเทพเจ้าและการหมกมุ่นอยู่กับโลกหลังความตายแล้ว ยังปรากฏว่า มีพัฒนาการความคิดทางด้านปรัชญาแฝงอยู่ในความเชื่อของชาวอียิปต์ เช่นในหนังสือของผู้ตาย (The Book of Dead) ซึ่งเป็นหนังสือทางศาสนาและพิธีกรรมที่มีบทบาทต่อวิถีชีวิตของชาวอียิปต์มากที่สุด

อียิปต์มีการค้าต่างประเทศมากขึ้นและกระตุ้นการผลิตในประเทศ

7อียิปต์มีการพัฒนาจากครั้งแรกสุดเป็นชุมชนความหลากหลายทางวัฒนธรรมเป็นประเพณีการผสมของแอฟริกาและตะวันออกกลางด้วยอิทธิพลของยุโรปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สังคมเป็นอียิปต์อดทนและต้อนรับกับรัฐบาลเลือกตั้งของอียิปต์ 72 ล้านประชากรเพิ่มขึ้นในอัตรา 2% ต่อปีโดยเป็นตลาดขนาดใหญ่นักลงทุนในประเทศใด เกือบหกจากทุกอียิปต์ 10 อยู่ใต้ 25 พวกเขาจะกระตือรือร้น, การศึกษา, มองไปข้างหน้าและเปิดโอกาสใหม่ พวกเขาได้รับการศึกษารอบรู้และตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจะซื้อองศาและทักษะเฉพาะทางและการฝึกอบรมเพื่อใช้ประโยชน์จากอาชีพใหม่ที่เปิดขึ้นเศรษฐกิจ อียิปต์มีการปรับปรุงที่สะท้อนจากอัตราการเติบโตจริงร้อยละ 4.9 ของ จีดีพี ในช่วงปีงบประมาณ (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.2 ใน) จีดีพี ถึง EGP 558.000.000.000 ขึ้นจาก EGP 485000000000 ปีงบประมาณคาดว่าจะบันทึกยอดเงินที่เคยอียิปต์ที่ใหญ่ที่สุดของเงิน ส่วนเกิน ในช่วงแรกสามในสี่ของ, BOP ได้รับในโค้งขึ้นบันทึกยอดรวม 2,681.6 ล้านบาทใน เมื่อเทียบกับการขาดดุลของ ดอลล่า 410,600,000 บันทึกในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

กว่าศตวรรษที่อียิปต์ผลิตแรงงานคุณภาพสูงและปรับความต้องการของเวลาที่มีความรู้และความคิดสร้างสรรค์ วันนี้ 21 ล้านคนได้เข้าใจมากมายถ้าทักษะ เกี่ยวกับร้อยละ 58 ของประชากรทั้งหมดอยู่ภายใต้อายุ 25 ในขณะที่ร้อยละ 41 อยู่ระหว่าง 15 และ 39 วัฒนธรรมและการเคารพของพวกเขาสำหรับประวัติศาสตร์ที่ฝังแน่นในการเชื่อมโยงอียิปต์ได้อุปโลกน์กับยุโรปเอเชียและโลกอาหรับ ในศตวรรษที่สี่ BC ดีห้องสมุด ซานเดรีย เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลกที่เป็นที่ยอมรับทุนทางปัญญาและการค้าโลก วันนี้กว่า 800,000 คนเยี่ยมชมห้องสมุด Alexandrina (ใหม่ห้องสมุด ซานเดรีย) สถานที่เรียนการสนทนาและความทนทานที่สะท้อนถึงอียิปต์สนับสนุนอย่างต่อเนื่องของการขยายตัวของความรู้

อียิปต์พื้นที่ที่ตั้งยุทธศาสตร์ริษยาเชื่อมสามทวีปเอเชียแอฟริกาและยุโรป – ประตูสู่บางตลาดใหญ่ที่สุดของโลกโดยวิธีการพิเศษและข้อตกลงการค้าภูมิภาค อียิปต์เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค 800 ล้านคนและเป็นศูนย์กลางการจราจรทางทะเลของโลกที่มีพอร์ตการค้าในเมดิเตอร์เรเนียนและ ทะเลสีแดง สนามบินอียิปต์ที่มีการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับการไหลที่เพิ่มขึ้นของผู้โดยสารและสินค้าเรือเดินทะเลและเครือข่ายถนนที่ทันสมัย ข้าม – อียิปต์เชื่อมโยงตะวันออกกลางแอฟริกาและประเทศ การลดภาษีศุลกากรได้เปิดตลาดอียิปต์เพื่อการค้าต่างประเทศมากขึ้นและกระตุ้นการผลิตในประเทศ กระบวนการธุรกิจมีความคล่องตัว ภาษีธุรกิจและส่วนบุคคลได้อย่างรวดเร็วและขณะนี้ลดต่ำกว่าในประเทศส่วนใหญ่ สินทรัพย์ของรัฐในทุกภาคธุรกิจมีการโอนเข้าภาคเอกชน บริษัท มีการปรับโครงสร้าง ต้นทุนการดำเนินธุรกิจในประเทศอียิปต์เป็นอย่างดีมาก, แรงงานโดยเฉพาะที่ดินและค่าใช้จ่าย ไฟฟ้าและก๊าซเป็นราคาที่แข่งขันมาก การเคลื่อนไหวของสินค้าจะถูก ความเร็ว ขึ้น ระบบขนส่งดีขึ้น พอร์ตถูกทันสมัย

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับศิลปะอียิปต์

อารยธรรมอียิปต์ เป็นอารยธรรมที่โดดเด่นที่ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้บริบทธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์แห่งแม่น้ำไนล์ ภายใต้ความอุดมสมบูรณ์นั้น ก็แฝงไปกับความไม่เที่ยงหลายอย่าง เช่น เกิดน้ำท่วม แมลงระบาด โรคระบาด ไปพร้อมกัน ดังนั้นปัญหาจากความกลัวธรรมชาติ ทำให้เกิดการอธิบายปรากฎการณ์เหล่านี้ว่ามีเบื้องหลังคือเทพเจ้าต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นต้องเซ่นสรวงบูชาการเซ่นสรวงบูชานั้นแหละจะทำให้เทพเจ้าพึงพอใจและบันดาลความอุดมสมบูรณ์ให้ศิลปกรรมต่าง ๆ  ที่ตอบสนองต่อความเชื่อในเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติโลกหน้า ศิลปะจึงทำหน้าที่สื่อสารความเชื่อ ให้ตอกย้ำระบบความคิดที่ผูกโยงผู้คนของอียิปต์ ให้รวมศูนย์อยู่กับฟาร์โรห์

โดยจิตรกรรมส่วนใหญ่สร้างไว้ในสุสาน ภายใต้ปิรามิด เพื่ออธิบายความหมายความคิดความเชื่อ ลักษณะเด่นของศิลปกรรมอียิปต์ก็คือ เป็นแบบสัญลักษณ์แทนรูปคนจะมีลักษณะสองมิติ  ศิลปะอียิปต์นั้นเกิดขึ้นพร้อมกับการคิดค้นภาษาฮีโรกริฟฟิค ไปพร้อมกับการนำเสนอภาพศิลปะ และ สังคม การเมือง อุดมการณ์  ศิลปะก็เช่นเดียวกันที่แสดงถึงอำนาจเหนือธรรมชาติ เทพต่าง ๆ ได้ชั่งความดีความชั่วของคนก่อนไปสู่ปรโลก และแสดงตำแหน่งแห่งที่ของเทพต่าง ๆ ไว้

ส่วนประติมากรรมของอารยธรรมอียิปต์นั้น แสดงไว้ทั้งนูนต่ำในลักษณะสัญลักษณ์และประติมากรรมแบบลอยตัว แสดงถึงสัจนิยม ประติมากรรม สะท้อนความเชื่อ โครงสร้างทางสังคมที่มนุษย์ประดิษฐ์สร้างขึ้นจะเห็นได้ว่า ศิลปกรรมอียิปต์มีความสลับซับซ้อน และอลังการเนื่องจากเป็นอารยธรรมใหญ่ เป็นรัฐที่มีอิทธิพล งานศิลปะจึงแสดงถึงศักยภาพและภูมิปัญญาส่วนสถาปัตยกรรม เป็นที่ัรับรู้กันว่าเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ได้แก่ พิรามิด หรือ สุสานหลวง ที่มีความยิ่งใหญ่โดดเด่น สะท้อนความคิดความเชื่อที่ชาวอิยิปต์ได้สร้างเอาไว้ความยิ่งใหญ่อลังการของสังคมวัฒนธรรมที่สิ้นสุดไปแล้ว ปัจจุบันอียิปต์เป็นแกนนำของมุสลิมสายกลาง

ด้านการแกะสลักนั้น ชาวอียิปต์มีความสามารถสูง มีความละเอียดลออ รูปแกะสลักมีทั้งเล็กและใหญ่ ที่รู้จักกันดีคือ สฟิงซ์(Sphinx) และพระเศียรพระนางเนเฟอตีติ (Nefertiti)

ดังนั้น อารยธรรมโบราณมีความสำคัญต่อโลกสมัยใหม่มาก ชาวอียิปต์นอกจากประดิษฐ์ผลงานด้านปรัชญา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วรรณคดีแล้ว อียิปต์ยังประสบความสำเร็จด้านการชลประทาน วิศวกรรม การทำเครื่องปั้น เครื่องแก้ว และกระดาษ อียิปต์มีชื่อสียงในการประดิษฐ์ตัวเสา สิ่งสำคัญที่ชาวอียิปต์ให้แก่อารยธรรมโลก คือ ศาสนา ซึ่งมีหลักศีลธรรมให้แก่บุคคลทางสังคม พระและนักปราชญ์อียิปต์เป็นพวกแรกที่สั่งสอนลัทธิเทวนิยมเป็นแห่งแรกๆของโลก

อียิปต์เป็นชาติที่สามารถเผยแพร่ความรู้ให้แก่คนในโลกจากอดีตที่ผ่านมา

17

อียิปต์เป็นประเทศที่มีอารยะธรรมที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่มาก เปรียบได้กับผู้ใหญ่ที่เห็นอะไรมามาก อียิปต์เป็นชาติก่อนการกำเนิดของพุทธกาล อียิปต์เป็นอาณาจักรในช่วงสงครามทรอยของกรีก คนอียิปต์ก็รู้ถึงสงครามดังกล่าวอย่างดี  คนอียิปต์มาก่อนอาณาจักรโรมัน และทั้งจูเลียส ซีซ่าร์ และมาร์ก แอนโทนี ก็ตกหลุมรักแก่พระนางคลีโอพัตรา ซึ่งกลายเป็นตำนานรักที่ทั้งหวานและขมขื่น ถึงกับเช็คสเปียร์เคยรจนากวีอมตะอย่าง JuliuaCeasarมาแล้ว อียิปต์จึงเปรียบได้กับคลังสมบัติทางด้านการเก็บความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง จักรพรรดิ์ที่ยิงใหญ่อย่างพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ หรือต่อมาอย่างพระเจ้านโปเลียน เมื่อได้ครองชัยชนะจากชาติตนอย่างเบ็ดเสร็จแล้ว ก็จะต้องเดินทัพไปอียิปต์ เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิ์ที่กล่าวมา

อียิปต์จึงเป็นชาติที่สามารถเผยแพร่ความรู้ให้แก่คนในโลกจากอดีตที่ผ่านมา แม้ในปัจจุบัน อียิปต์ก็ยังเป็นประเทศทางยุทธศาสตร์ที่ชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกาต้องให้ความสำคัญอยู่เสมอ โดยเฉพาะเป็นชาติที่มีบทบาทอย่างสำคัญในการเจรจารักษาสันติภาพของประเทศทางตะวันออกกลาง พูดอีกอย่างหนึงคือ เป็นชาติที่มีความเป็นผู้ใหญ่ท่ามกลางชาติต่างๆรอบบริเวณ ที่มีวุฒิภาวะทางการเมืองและการต่างประเทศน้อยกว่าอียิปต์เป็นอย่างมาก

การที่ชาวอียิปต์โบราณนั้น ชาวอียิปต์เป็นคนที่มีความคิดที่ลึกซึ้ง เป็นคนที่มีความคิดทะลุปุโรงนึกคิดถึงภายหลัง และจะมีความสำคัญต่อโลกในปัจจุบัน อย่างมาก  รู้จักคิด วิเคราะห์และมีความเชื่อในส่วนตัวในการนับถือพระเจ้าของเขาถึงแม้จะเป็นความ เชื่อที่คนในปัจจุบันไม่ค่อยเชื่อแต่คนในสมัยนั้นเชื่อเพราะมีอิทธิพลต่อตัว เขามาก ชาวอียิปต์ยังมีสถาปัตยกรรมที่สำคัญ เช่น พีระมิด ที่เกิดขึ้นรวมถึงอีก 6 สิ่งมหัศจรรย์ที่ติดอันดับของโลก ที่เป็นสิ่งที่ค้นพบจากการใช้ฝีมือมนุษย์ในการสร้างที่ไม่มีการใช้เครื่อง ทุนแรง หรือเครื่องจักรใด ๆ เลย และยังมีทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาในการนับถือความเชื่อในสมัยก่อนของไทย เรา เช่น ภูตผีปีศาจหรือไม่ว่าจะเป็น เทวดา นางไม้ เจ้าป่าเจ้าเขา พระแม่ธรณี พระแม่คงคา เป็นต้น และยังมีอิทธิพลต่อพระพุทธศาสนาของเราด้วย เช่น การห้ามพูดเท็จ ห้ามการลักขโมย ห้ามฆ่าสัตว์ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดี ถ้าผู้อ่านได้เรียนรู้และศึกษา ในการศึกษานี้ยังแฝงไปถึงความรู้ และข้อคิดที่ดี และผู้เขียนจึงขอแนะนำให้ผู้อ่านนำสิ่งต่าง ๆ ในด้านที่ดี ไปเป็นความรู้ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตของท่านให้ประสบสู่ความสำเร็จได้

สภาพลักษณะงานศิลปของอียิปต์

ชาวอียิปต์มีศาสนาและพิธีกรรมอันซับซ้อน แทรกซึมอยู่เป็นวัฒนธรรมอยู่ในสังคมเป็นเวลา นาน มีการนับถือเทพเจ้าที่มีลักษณะอันหลากหลาย ดังนั้น งานจิตรกรรม ประติมากรรม และ สถาปัตยกรรมส่วนมาจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนา พิธีกรรม โดยเฉพาะพิธีฝังศพ ซึ่งมีความเชื่อ ว่าเมื่อตายแล้วจะยังมีชีวิตอยู่ในโลกใหม่ได้อีก จึงมีการรักษาศพไว้อย่างดี และนำสิ่งของเครื่อง ใช้ที่มีค่าของผู้ตายบรรจุตามลงไปด้วย

ลักษณะงานจิตรกรรมของอียิปต์ เป็นภาพที่เขียนไว้บนฝาผนังสุสานและวิหารต่าง ๆ สีที่ใช้ เขียนภาพทำจากวัสดุทางธรรมชาติ ได้แก่เขม่าไฟ สารประกอบทองแดง หรือสีจากดินแล้วนำมา ผสมกับน้ำและยางไม้ ลักษณะของงานจิตรกรรมเป็นงานที่เน้นให้เห็นรูปร่างแบน ๆ มีเส้นรอบ นอกที่คมชัด จัดท่าทางของคนแสดงอิริยาบถต่าง ๆ ในรูปสัญลักษณ์มากว่าแสดงความเหมือนจริง ตามธรรมชาติ มักเขียนอักษรภาพลงในช่องว่างระหว่างรูปด้วย และเน้นสัดส่วนของสิ่งสำคัญ ในภาพให้ใหญ่โตกว่าส่วนประกอบอื่น ๆ เช่นภาพของกษัตริย์หรือฟาโรห์ จะมีขนาดใหญ่กว่า มเหสี และคนทั้งหลาย นิยมระบายสีสดใส บนพื้นหลังสีขาว

ลักษณะงานประติมากรรมของอียิปต์ จะมีลักษณะเด่นกว่างานจิตรกรรม มีตั้งแต่รูปแกะสลัก ขนาดมหึมาไปจนถึงผลงานอันประณีตบอบบางของพวกช่างทอง ชาวอิยิปต์นิยมสร้างรูปสลัก ประติมากรรมจากหินชนิดต่าง ๆ เช่น หินแกรนิต หินดิโอไรด์ และหินบะซอลท์ หรือบางทีก็ เป็นหินอะลาบาสเตอร์ ซึ่งเป็นหินเนื้ออ่อนสีขาว ถ้าเป็นประติมากรรมขนาดใหญ่ก็มักเป็นหิน ทราย นอกจากนี้ยังมีทำจากหินปูน และไม้ซึ่งมักจะพอกด้วยปูนและระบายสีด้วย งานประติมา กรรมขนาดเล็ก มักจะทำจากวัสดุมีค่า เช่น ทองคำ เงิน อิเลคตรัม หินลาปิสลาซูลี เซรามิค ฯลฯ ประติมากรรมของอียิปต์มีทั้งแบบนูนต่ำ แบบลอยตัว แบบนูนต่ำมักจะแกะสลักลวดลายภาพ บนผนัง บนเสาวิหาร และประกอบรูปลอยตัว ประติมากรรมแบบลอยตัวมักทำเป็น รูปเทพเจ้า หรือรูปฟาโรห์ ที่มีลักษณะคล้ายกับเทพเจ้า นอกจากนี้ยังทำเป็นรูปข้าทาสบริวาร สัตว์เลี้ยง และ สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบในพิธีศพอีกด้วย

ลักษณะสถาปัตยกรรมอียิปต์ใช้ระบบโครงสร้างเป็นเสาและคาน แสดงรูปทรงที่เรียบง่ายและ แข็งทื่อ ขนาดช่องว่างภายในมีเล็กน้อยและต่อเนื่องกันโดยตลอด สถาปัตยกรรมสำคัญของชาว อียิปต์ได้แก่ สุสานที่ฝังศพ ซึ่งมีตั้งแต่ของประชาชนธรรมดาไปจนถึงกษัตริย์ ซึ่งจะมีความวิจิตร พิสดาร ใหญ่โตไปตามฐานะ และอำนาจ ลักษณะของการสร้างสุสานที่เป็นสถาปัตยกรรมสำคัญ แห่งยุคก็คือ ปิรามิด ปิรามิดในยุคแรกเป็นแบบขั้นบันได หรือเรียกว่า มัสตาบา ต่อมามีการพัฒนา รูปแบบวิธีการก่อสร้างจนเป็นรูปปิรามิดที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการสร้างวิหารเทพเจ้า เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมของนักบวช และวิหารพิธีศพ เพื่อใช้ประกอบพิธีศพ ในสมัยอาณาจักร ใหม่ (1020 ปีก่อน พ.ศ – พ.ศ.510) วิหารเหล่านี้มีขนาดใหญ่โต และสวยงาม ทำจากอิฐและหิน ซึ่งนำรูปแบบวิหารมากจากสมัยอาณาจักรกลางที่เจาะเข้าไปในหน้าผา บริเวณหุบผากษัตริย์ และ หุบผาราชินี ซึ่งเป็นบริเวณที่มีสุสานกษัตริย์และราชินีฝังอยู่เป็นจำนวนมาก

ประเทศอียิปต์ในสมัยโบราณมีบริเวณที่สำคัญมากมาย

22

อียิปต์อาศัยความสมบูรณ์ของแม่น้ำไนล์จึงเจริญยาวนาน ในสมัยโบราณอียิปต์ใช้แม่น้ำไนล์ในการดำรงชีวิตอยู่ อียิปต์เป็นประเทศที่มีอากาศร้อน และแห้งแล้ง มีฝนตกเพียงเล็กน้อยในช่วงฤดูหนาวและตกเฉพาะบริเวณเดลต้า อียิปต์ได้อาศัยความชุ่มชื้นจากแม่น้ำไนล์เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต ถ้าขาดแม่น้ำไนล์อียิปต์ก็จะไม่แตกต่างกับทะเลทรายที่ร้อนระอุ เฮโรโดดัส นักประวัติศาสตร์กรีกโบราณได้กล่าวไว้ว่า อียิปต์เป็นของขวัญของแม่น้ำไนล์ อียิปต์บน ได้แก่บริเวณที่แม่น้ำไนล์ไหลผ่านหุบเขา มีความยายประมาณ 500 ไมล์ ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำไนล์ตอนนี้เป็นหน้าผาลาดกว้างไปจนสุดสายตาเต็มไปด้วยเนินเขาที่แห้งแล้งอียิปต์ล่างหรืออียิปต์ต่ำ ได้แก่บริเวณที่แม่น้ำไนล์แตกสาขาออกเป็นรูปพัด ไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณนี้ชาวกรีกโบราณเรียกว่า เดลต้า เป็ยบริเวณปลายสุดของลำน้ำ มีความยาวประมาณ 100 ไมล์ อารยธรรมโบราณของอียิปต์ได้เจริญขั้นในแถบนี้

ความแตกต่างของสภาพภูมิศาสตร์อียิปต์ทั้งสองภาคนี้ คือภาคหนึ่งเป็นที่สูงและอีกภาคหนึ่งเป็นที่ลุ่ม อียิปต์ได้เปรียบประเทศอื่นในแถบตะวันออกใกล้ในเรื่องกำแพงธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าอื่นไว้ได้มาก ทางใต้แม่น้ำไนล์ที่อยู่ใต้เขตแดนอียิปต์ลงไปอยู่บนที่สูงมีแนวน้ำตกมาก ทำให้การรุกรานเข้ามาในอียิปต์โดยทางเรือยากมาก ยกเว้นทางตะวันออกและตะวันตก และการโจมตีทางบกจากพวกชนเผ่าเซติมิคที่เป็นพวกเร่ร่อน สมัยก่อนราชวงศ์ อียิปต์ที่แยกกันอยู่อย่างอิสระ หรือจังหวัดเล็ก ๆ ที่เรียกว่าโนมิส ซึ่งจะมีสัญลักษณ์ของตนต่างกันเช่น สุนัข เหยี่ยว แมงป่อง เป็นต้น จังหวัดเล็ก ๆ เหล่านี้มีประมาณ 40 แห่งมีอารยธรรมที่ก้าวหน้ามากแล้ว แม้ว่าความรู้ในสมัยนี้มีไม่มากนักเพราะไม่มีการบันทึกไว้ มีการทดน้ำทำเขื่อน และมีการประดิษฐ์ตัวอักษรรูปภาพของอียิปต์ใช้แล้ว เพราะอักษรอียิปต์ที่จารึกในสมัยราชวงศ์หนึ่ง คือในสมัยฟาโรห์เมนิส เป็นอักษรที่มีรูปแบบแผนที่ซับซ้อนมาก มีการปลูกต้นป่านลินินใช้ทำเครื่องนุ่งห่ม

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอียิปต์ที่ดำเนินมาอย่างราบรื่น

camel-riding-in-egypt-lead
อียิปต์ เป็นศูนย์กลางการศึกษาอิสลามซึ่งเป็นที่นิยมของนักศึกษาไทยมุสลิม ปัจจุบันไทยมีโครงการร่วมมือด้านการศึกษากับมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร ของอียิปต์ โดยได้สนับสนุนการพัฒนาหลักสูตรอิสลามศึกษาที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส และการส่งครูมาร่วมทำการสอน นอกจากนั้นปัจจุบันมีนักศึกษาไทยซึ่งกำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร ประมาณ 2,500 คน โดยในแต่ละปีมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร ได้ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทยมุสลิมประมาณปีละ 60-80 ทุน และทุนจากรัฐบาลอียิปต์ ซึ่งให้แก่นักเรียนไทยทั่วไปปีละ 2 ทุน นอกจากนี้มหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร ยังได้ส่งครูมาสอนในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามหลายแห่งในไทยมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ขณะเดียวกันไทยก็ได้ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่อียิปต์ในหลายสาขา อาทิ การจัดอบรมหลักสูตรด้านการท่องเที่ยว หลักสูตรฝึกอบรมด้านการบริหารธุรกิจการส่งออก หลักสูตรด้านการบริหารจัดการลุ่มน้ำและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เป็นต้น

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอียิปต์ ดำเนินมาอย่างราบรื่นและก้าวหน้ามาตามลำดับ โดยหลังจากการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมมือทวิภาคีไทย-อียิปต์ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2546 และครั้งที่สองเมื่อปี พ.ศ.2549 ไทยและอียิปต์ได้ขยายความร่วมมือระหว่างกันอาทิ ความร่วมมือด้านข่าวกรอง การผลากดันให้แต่ละฝ่ายเป็นประตูทางธุรจิจการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกัน และการแลกเปลื่ยนทางวัฒนธรรม โดยแฉพาะในปี พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูต ไทยและอียิปต์ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าทางด้านการค้าเป็น 500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในปี พ. ศ. 2551 เพิ่มพูลความร่วมมือทางด้านพลังงาน วิชาการและการศึกษา อาทิ ความร่วมมือด้านการป้องกันโรคไข้หวัดนก การให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทยมุสลิมของ มหาวิทยาลัย อัล อัซอัร และการแลกเปลื่ยนการเยือนทั้งในระดับ รัฐบาล ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนของทั้งสองประเทศ นับเป็นการก้าวหน้าทางความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศ

ประเทศไทยและสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2497 อียิปต์เป็นประเทศอาหรับประเทศแรกที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างราบราบรื่น ต่างสนับสนุนกันในเวทีระหว่างประเทศ และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอของคณะผู้แทนทั้งจากภาครัฐบาล ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชน สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์เป็นประเทศในทวีปแอฟริกาตอนเหนือที่ให้ความร่วมมือด้านการศึกษากับประเทศไทย โดยเฉพาะทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทยเพื่อศึกษาวิชาศาสนาอิสลาม และภาษาอาหรับในประเทศอียิปต์เป็นจำนวนมาก เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้แก่นักเรียนเหล่านี้เพื่อสามารถนำไปใช้ศึกษาต่อในในระดับมหาวิทยาลัยของอียิปต์ หรือเพิ่มคุณวุฒิในการทำงานได้

การปฏิรูปและผลักดันระบบทางเศรษฐกิจของอียิปต์

fes013
อียิปต์ เป็นประเทศในแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือที่มีประชากรมากที่สุด โดยมีพื้นที่ประมาณ 1,020,000 กม.² ซึ่งรวมถึงคาบสมุทรซีนาย ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศตั้งอยู่ในแอฟริกาเหนือ มีพรมแดนด้านตะวันตกติดกับประเทศลิเบีย ด้านใต้ติดกับประเทศซูดาน ด้านตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศอิสราเอล ชายฝั่งทางเหนือติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทางตะวันออกติดกับทะเลแดง ซึ่งประชากรอียิปต์ส่วนใหญ่อาศัยบนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำไนล์ และคลองสุเอซ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นส่วนของทะเลทรายซาฮารา และมีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง มีชื่อเสียงในด้านอารยธรรมโบราณ รวมถึงอนุสาวรีย์โบราณที่น่าตื่นตาที่สุดในโลก ได้แก่ พีระมิด อารามคาร์นัค และหุบเขากษัตริย์ ในปัจจุบันอียิปต์ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมของโลกอาหรับ

อียีปต์มีแม่น้ำไนล์ผ่านกลางประเทศซึ่งทำให้เป็นลำน้ำที่อุดมสมบูรณ์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นที่บริเวณลุ่มน้ำแห่งนี้ในช่วง 30 ปีผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการปฎิรูปเศรษฐกิจจากแบบรวมศูนย์ที่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี NASSER ให้เปิดเสรีมากขึ้น นับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา นายกรัฐมนตรี NAZIF ได้เลิกภาษีเงินได้และภาษีนิติบุคคล ลดการอุดหนุนด้านพลังงาน และแปรรูปรัฐวิสาหกิจ GDP ขยายตัวกว่าร้อยละ 5 ต่อปีในช่วงปี 2005-2006 แม้ว่าจะสามารถผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวแต่รัฐบาลยังไม่สามารถยกระดับมาตรฐานการครองชีพของคนอียิปต์โดยรวม และรัฐบาลยังคงต้องให้การอุดหนุนในสิ่งจำเป็นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งการอุดหนุนดังกล่าวส่งผลให้เกิดการขาดดุลงบประมาณกว่าร้อยละ 10 ของ GDP ในแต่ละปี ในด้านการลงทุนจากต่างประเทศก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ทั้งนี้ในการที่จะกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รัฐบาลจะต้องผลักดันให้เกิดการปฎิรูปอย่างจริงจัง ด้านพลังงาน โดยเฉพาะการส่งออกก๊าซธรรมชาติที่มีอนาคตที่แจ่มใส

ในปัจจุบันอียิปต์มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมากขึ้น มีการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้น และมีการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเข้าไปประกอบอุตสาหกรรมและลงทุนสาขาต่างๆ รวมทั้งอุตสาหกรรมประเภทที่ไทยผลิตและส่งออกด้วย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังอียิปต์ในอนาคต อย่างไรก็ตามในปัจจุบันอียิปต์ได้เข้าไปร่วมเป็นสมาชิกตลาดร่วมแอฟริกาตะวันออกและใต้ในปี พ.ศ. 2541โดยมีจุดมุ่งหมายขยายตลาดสินค้าอียิปต์เข้าไปยังประเทศต่างๆในแอฟริกา  เมื่อเดือน มิ.ย. 44 อียิปต์ได้ลงนามร่วมกับสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะมีผลตต่อความสัมพันธ์กับอียูในด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ การเงิน ลังคม วัฒนธรรมและการกงสุล รัฐบาลอียิปต์ได้ใช้ความพยายามที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจ ให้มีการค้าเสรี การแปรรูปกิจการของรัฐไปสู่ภาคเอกชน ส่งเสริมการลงทุน กระตุ้นรัฐวิสาหกิจให้เพิ่มผลผลิต ผลเลิกการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อียิปต์ได้ขอความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ อาทิ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ธนาคารโลก Paris Club รวมทั้งจากประเทศกลุ่มอาหรับอียิปต์ได้ทำการปฏิรูปทางเศรษฐกิจตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 โดยใช้นโยบายเศรษฐกิจการตลาดให้มีการค้าเสรี การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ยกเลิกควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสะดวกขึ้น

แหล่งอารยธรรมที่สำคัญของโลกในประเทศอียิปต์

อียิปต์ เป็นประเทศที่มีผู้คนมากหมายต่างความเชื่อ ต่างวัฒนธรรมทำให้วัฒนธรรมการแต่งกายของคนอียิปต์มีความแตกต่างโดยมีพื้นฐานทางด้านความเชื่อ เช่นมุสลิม คริสต์เตียน ยิว และอื้นๆด้วยความเจริญของประเทศอียิปต์และเป็นประเทศที่ที่ทันสมัยและมีอิทธิผลของวัฒนธรรมตะวันตกมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมตะวันตกอยู่บางมากหรือน้อยก็อยู่ที่เมืองที่มีความเจริญกับความไม่เจริญดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราสามารถพบเห็นมุสลีมะห์ที่ไม่คงความเป็นเอกหลักของเขาสุดแต่ทีจิตสำนึกและความปราถนาของแต่ละคน คนอียิปต์เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี คุ้นเคยต่อนักท่องเที่ยว กระตือรือร้นที่จะทักทายกับชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ และมักจะยินดีที่นักท่องเที่ยวมาเยือนอียิปต์ ในการสนทนา คนอียิปต์มักจะสบตากับคู่สนทนาเพื่อเป็นการให้เกียรติ และชอบใช้สัญลักษณ์ เช่นการใช้สัญญาณมือประกอบการอธิบายต่างๆ ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้แตกต่างจากสากล

อารยธรรมที่มีความยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลกที่มีถิ่นกำเนิดในดินแดนใกล้เคียงกับอารยธรรมเมโสโปเตเมีย คือ อารยธรรมอียิปต์ อารยธรรมอียิปต์เป็นอารยธรรมที่รู้จักกันอย่างกว้างขว้างและมีผลต่อพัฒนาการทางความคิดในหลายๆ ด้าน เนื่องจากมีมรดกทางสถาปัตยกรรม เช่น ปิรามิดและแนวความคิดและความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาและปรัชญาอีกด้วย โดยอารยธรรมของอียิปต์ได้สร้างมรกดมากมายหลายด้านแก่โลก การสร้างสรรค์สิ่งต่างๆของชาวอียิปต์โบราณนอกจากการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดจากความโหดร้ายของธรรมชาติยังได้รับแรงผลักดันจากความคิดความเชื่อทางศาสนาและชีวิตหลังความตายอีกด้วย

ชาวอียิปต์ยอมรับนับถือเทพเจ้ามากมาย ในแต่ละชุมชนมีวัดหรือวิหารศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนา บูชาเทพเจ้าและดวงวิญญาณของฟาโรห์ ชาวอียิปต์นับถือเทพแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหมาใน จระเข้ ฮิปโปโปเตมัส แมว แมลงเต่าทอง และในเวลาต่อมาการบูชาสัตว์ได้เปลี่ยนเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ และเป็นคนโดยสมบูรณ์ เช่นการนับถือดวงอาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ และเทพเจ้าที่สำคัญที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ซึ่งชาวอียิปต์ให้ความนับถือ คือ โอซิริส (Osiris) ถือว่าเป็นเทพเจ้าที่มีความอมตะ เป็นประมุขแห่งเทพเจ้าทั้งหลาย และเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และความตาย เทพเจ้าเร (Re) เป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ผู้ประทานชีวิต

บทบาทเทคโนโลยีสารสนเทศสำคัญอย่างยิ่งกับสังคมต่อการพัฒนาประเทศอียิปต์

การปฏิวัติด้านเทคโนโลยีสารสนเทศได้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมอย่างมาก เทคโนโลยีและการสื่อสารเข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตและวิถีชีวิตของมนุษย์ในสังคม อียิปต์ทั้งด้านความเป็นอยู่ การสื่อสาร การทำงาน การคมนานคมและการขนส่ง ธุรกิจและอุตสาหกรรม การแพทย์ วัฒนธรรม และการศึกษา

ในปัจจุบันนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และการสื่อสารได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีขนาดเล็กลง หรือที่เรียกว่า นาโนเทคโนโลยี(Nanotechnology) ทำให้การสื่อสารข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างฉับพลันผ่านทางด่วนสารสนเทศ (Information Superhighway) เช่น เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้หลายพันล้านคนทั่วโลกและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยให้การเข้าถึงสารสนเทศและบริการต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วและไร้พรมแดน โดยอาจเรียกได้ว่าเป็น สังคมอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ชุมชนอิเล็กทรอนิกส์

เทคโนโลยีสารสนเทศ จัดว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศอียิปต์ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะยังไม่มีบทบาทโดดเด่นในการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและการค้าในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม แต่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในด้านการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการจัดให้บริการสังคมพื้นฐาน (การศึกษา และการสาธารณสุข ฯลฯ) ในการบริหารประเทศอียิปต์ และในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

เทคโนโลยีสารสนเทศจะมีผลกระทบต่อสังคมมากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับว่ามนุษย์จะเลือกใช้มันอย่างไร ในโลกปัจจุบันแรงผลักดันทางเศรษฐกิจมักจะมีบทบาทสูงในการกำหนดทิศทางของเทคโนโลยีเป็นที่ทราบกันดีว่าเทคโนโลยีการสื่อสารทั้งในอดีตและปัจจุบันได้เปลี่ยนโฉมไปอย่างมาก ในอนาคตธุรกิจบันเทิงจะเป็นธุรกิจอีกประเภทหนึ่งที่จะทำเงินให้แก่ผู้ประกอบการทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีอิทธิพลอย่างสูงกับแนวความคิด ความอ่านของผู้คนในสังคม เพราะเป็นวิถีทางหนึ่งที่ผู้ร่วมบันเทิงได้รับอิทธิพลทางความคิดจากผู้อื่นที่ร่วมอยู่ในวงบันเทิง และยอมรับสถานภาพว่าตนก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้นๆ การถ่ายทอดแนวความคิดระหว่างบุคคลในสังคมนั้นก็เป็นสิ่งที่เราเรียกว่า วัฒนธรรมนั่นเอง การพัฒนาของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้เกิดความต้องการและการใช้สารสนเทศของบุคคลเพิ่มมากขึ้น สารสนเทศมีการใช้สารสนเทศเพื่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจในเรื่องที่ตนเกี่ยวข้อง และนำความรู้ความเข้าใจมาตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว ทันเวลากับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม เป็นเรื่องราวที่มีความสำคัญไม่จำกัดเฉพาะนิสิต นักศึกษา นักวิชาการ แต่มีความสำคัญกับบุคคลในทุกสาขาอาชีพและทุกวัย

การเจริญเติบโตของสังคัมและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีทางวัฒนธรรม

ในปัจจุบันมีตำนานและเรื่องราวมากมายในประเทศอียิปต์ ประเทศอียิปต์นั้นเป็นประเทศต้นๆเลยที่เรามักจะนึกถึงเมื่อพูดถงเรื่องราของตำนานเพราะประเทศอียิปต์นั้นเก่าแก่และยาวนานมีเรื่องราวเกี่ยวกับกษัตริย์องค์ต่างๆหรือตำนานที่เกี่ยวข้องกับโบราณสถานหรือโบราณวัตถุอีกด้วย

ในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมอียิปต์โบราณนั้นเราสามารถกล่าวถึงเรื่องราวได้มากมาย อารยธรรมอียิปต์นั้นเป็นอารยธรรมที่กว้างขวางและยาวนาน ความเจริญด้านวัฒนธรรม เทคโนโลยีหรืออารยธรรม ของอียิปต์นั้นมีมากแต่ถึงแม้ประเทศอีอิปต์จะมีความเจริญด้านวัฒนธรรม เทคโนโลยีหรืออารยธรรมมากแค่ไหนเรื่องตำนานความลี้ลับก็ยังคงเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับประเทศอียิปต์เสมอมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฟาโรห์ พีระมิดหรืออื่นๆอีกมากมายของประเทศอียิปต์ที่ไม่ว่าประเทศอียิปต์จะมีความเจริญมากแค่ไหนก็ไม่สามารถอธิบายได้ถึงเรื่องราวนี้ได้แม้แต่วิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถหาเหตุผลข้อเท็จจริงของการกระทำที่เหลือเชื่อเหล่านี้ได้ ไม่ว่าความเจริญด้านเทคโนโลยีหรือวิทยาศาสตร์จะมีคามเจริญมากแค่ไหนก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดจึงสมารถสร้างพีระมิดได้โดยไม่มีรถเครนหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆดังนั้นเรื่องเหล่านี้จึงเป็นประเด็นเป็นปมปัญหาที่ไม่สามารถอธิบายได้แม้แต่วิทยาศาสตร์และนี้จึงเป็นประเด็นที่มาของการจัดทำประเด็นที่ว่า ตำนานอารยธรรมียิปต์โบราณ

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่มีผลต่อการสร้างอารยธรรมของมนุษย์  โดยในแต่ละยุคแต่ละสมัยมักจะมีการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีก้เท่ากับว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงอารยธรรมในแต่ละยุคแต่ละสมัยด้วยเช่นกัน เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคับที่ก่อให้เกิดอารยธรรมของอียิปต์ คือ ในยุคก่อนประวัติศาสตร์  เทคโนโลยีของมนุษย์ยังคงเป็นแบบง่ายๆ แต่ภายหลังเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้น  ซึ่ง เทคโนโลยีแบบใหม่นี้มักเกิดขึ้นจากที่มนุษย์พยายามที่จะเอาชนะธรรมชาติ เพื่อสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างสมบุรณ์  ดังนั้นมนุษย์จึงพยายามขวนขวายหาวิธีที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติหรือบางแห่งต้องหาวิธีเอาชนะธรรมชาติในทุกด้าน ความพยายามทั้งสองประการนี้ก่อให้เกิดการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ  เชน  เทคโนโลยีในด้านเกษตร  ซึ่งในบางท้องที่เกิดน้ำท่วม เกิดความแห้งแล้ง ก็ต้องมีการพัฒนาระบบชลประทานเพื่อประโยชน์ในการเกษตรและการประมง บางท้องที่ต้องเรียนรู้วิธีการนำเหล็กมาใช้เพื่อทำคันไถและทำอาวุธ หรือตัดไม้เพื่อบุกเบิกพื้นที่ทางการเกษตรหรือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร  นอกจากนี้ในท้องที่ที่เป็นทะเลทราย  มนุษย์ยังสามารถปรับปรุงที่ดิน  ให้สามารถใช้ประโยชน์ในการเกษตรได้  ส่วนด้านการประมง  แรกเริ่มมนุษย์ใช้กระดูกสัตว์ทำคันเบ็ด  ต่อมาก้เริ่มพัฒนาเครื่องมือจับสัตว์ เช่น แห อวน และเรือ เป็นต้น ขณะที่เทคโนโลยีทางด้านขนส่งและการคมนาคม เริ่มแรกมนุษย์รู้จักการใช้ม้าเป็นพาหนะวึ่งนับได้ว่าเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีได้อย่างชัดเจน  และทำให้เมืองในอดีตได้ขยายตัวและมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมากตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี  นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง เทคโนโลยีด้านอาวุธ เทคโนโลยีด้านเครื่องมือเครื่องใช้  เทคโนโลยีสาธารณสุข ฯลฯ จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีที่ได้พัฒนาขึ้นในยุคต่างๆ  เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการความเจริญและการสร้างสรรค์อารยธรรมของอียิปต์